11928 จำนวนผู้เข้าชม |
“แล้วจะไปกันยังไง จะใช้เส้นทางไหน” หนึ่งในมิตรเดินทางผู้ไม่รู้ถามอย่างข้องใจระคนเป็นห่วง ด้วยรู้ดีว่า เส้นทางสู่เมืองน่านนั้นคดเคี้ยวและต้องฝ่าขุนเขาตระหง่านหลายลูก “ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าหวังจะเห็นพรรณไม้สองข้างทางราบเรียบจากการเดินทางอันราบรื่น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป เมื่ออีกคนออกไอเดียว่าไหนๆ ก็ไหนๆ ก็อยากจะถือโอกาสข้ามด่านชายแดนน่านไปหลวงพระบางของลาวซะเลย และแน่นอน เมื่อตัดสินใจจะข้ามพรมแดนลาวผ่านทางจ.น่าน เส้นทางเดียวที่จะพาเราข้ามไปได้ ก็มีแค่ด่านห้วยโก๋นเท่านั้น เอาล่ะสิ หาเรื่องใส่ตัวให้เดินทางลำบากบากเย็นอีกแล้วมั้ยล่ะ
ความท้าทายเกิดขึ้นทันทีเมื่อเพื่อนคนหนึ่งทักว่า หากไม่ใช่คนในพื้นที่แล้ว การจะเข้าออกไทย-ลาวทางด่านห้วยโก๋น นั้นค่อนข้างยาก เราจึงต้องพึ่งทั้งกูเกิ้ล พึ่งทั้งผู้มีประสบการณ์เพื่อที่จะได้เตรียมตัวถูกและเตรียมใจทันหากเราไม่ สามารถผ่านด่านห้วยโก๋นได้ แต่เราก็โล่งอก เมื่อที่สุดแล้ว ก็มีผู้รู้ยืนยันว่า ปัจจุบันนี้ ด่านห้วยโก๋น ได้เปิดจุดผ่านแดนถาวร ไทย-ลาว เมื่อปี 2537 เป็นจุดผ่านแดนสากลแล้ว นักท่องเที่ยวทั่วไปก็สามารถข้ามพรมแดนไทย-ลาวได้สะดวก ขอเพียงปฏิบัติตามกฎ เตรียมเอกสารผ่านแดน คือ หนังสือเดินทาง และหนังสือผ่านแดนชั่วคราว ไปให้พร้อม เอกสารชุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถพักอยู่ฝั่งลาวได้ 3 วัน 2 คืน
ใช้เวลาจัดแจงเตรียมตัว จนถึงกำหนดออกเดินทาง คณะเดินทางอยากเก็บแรงไว้สูดโอโซนเมืองน่าน จึงเลือกที่จะใช้บริการบขส. แทนการขับรถทางไกล ซึ่งหากใครมีเวลามากพอก็อาจขับรถไปเองได้ ถือเป็นการสำรวจความเป็นไปของสภาพภูมิประเทศไปในตัว มิตรคนหนึ่งแอบเสียดายที่จับรถไฟไปน่านไม่ได้ เพราะ จ.น่าน ไม่มีเส้นทางรถไฟตัดผ่าน (แต่ทัวร์คาราวานที่รักการเดินทางแบบออฟโรดเขาชื่นชอบนัก) นักท่องเที่ยวธรรมดาๆ แบบพวกเราจึงใช้ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ ไปรอจับรถกันแต่เช้าที่สถานีขนส่งหมอชิต (อันที่จริง ใครอยากเดินทางสบายๆ บินเร็วทันใจ สายการบินนกแอร์ ก็มีเที่ยวบินตรงจากดอนเมืองไปน่าน เปิดให้บริการตั้งแต่ปีที่แล้ว)
เส้นทางยาวนานจากเช้าตรู่ในจากกรุงเทพฯ สู่ตัวเมืองน่าน ก็พลบค่ำทำให้พวกเราเหนื่อยอ่อน วันแรกในน่านของเราจึงหมดไปกับการพักผ่อน เพื่อที่จะแข่งกันตื่นแต่เช้า ออกไปสูดไอแรกของเมืองน่านให้สดชื่น และแวะกาดเช้า ดูชีวิตหนุ่มสาวพ่อค้าแม่ค้า และบรรดาพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ยออกมาจับจ่ายในวิถีเรียบง่ายที่พวกเราไม่มีโอกาสได้ สัมผัสอย่างลึกซึ้งในเมืองหลวง ถือเป็นการเติมพลังอย่างวิเศษ ก่อนที่คณะของเราจะได้ออกไปค้นหาประสบการณ์ใหม่กันที่ ด่านห้วยโก๋น
ด่านห้วยโก๋น นั้นเพิ่งจะมีชื่อติดปากนักท่องเที่ยวระดับสากลเมื่อไม่นาน ด้วยเพราะแต่เดิมเป็นเพียงช่องทางผ่านข้ามพรมแดนระหว่างไทยกับลาวเท่านั้น ด่านห้วยโก๋นอยู่ห่างจากฝั่งตัวเมืองน่านไปราวๆ 138 กม. แต่ไม่ไกลจากเมืองเงิน ที่พักค้างแรมในลาวเพียง 3 กม. แน่นอน หากเราต้องการไปหลวงพระบางด้วยเส้นทางนี้ ก็ต้องเตรียมใจที่จะค้างคืนก่อน เราเลือกที่จะพักในหงสา เพราะเส้นทางใหม่จากเมืองเงินสู่หงสา สร้างเสร็จใช้งานได้แล้ว ทุ่นระยะเวลาเดินทางไปได้มากกว่าเคย
ทริปห้วยโก๋น-น่าน-หลวงพระบาง หลายคนที่ไม่คุ้นเคยอาจจะคิดว่าเสียดายเวลาที่หมดไป กับการใช้เส้นทาง การเดินทาง และการพักค้างอ้างแรมก่อนจะไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่หากทบทวนดูแล้ว นี่แหละคือ ประสบการณ์ที่เรียกว่าได้มาจากการท่องเที่ยวแท้ๆ การได้สัมผัสความดิบในพื้นที่ๆ ไม่เคยไปและยังไม่มีใครได้เข้าถึง การเรียนรู้ที่จะรับมือหากมีอุปสรรคอยู่ตรงหน้า มิตรภาพริมสองข้างทางและชุมชนต่างถิ่นที่ไม่ต้องคอยปรุงแต่งเพื่อต้อนรับนัก ท่องเที่ยว ประสบการณ์สุดสนุกที่เก็บเกี่ยวได้รอบๆ ตัว ทั้งหมดนี้ยังคงเป็นเสน่ห์ที่หลายคนพยายามคว้าไชว่เพื่อจะหาแหล่งท่องเที่ยว แปลกๆ เส้นทางใหม่ๆ เพื่อผจญภัยและกำไรชีวิตต่อไปไม่มีหยุด
ทิ้งท้ายนิดหนึ่งว่า นอกเหนือจากใจและร่างกายที่เตรียมพร้อมแล้ว อย่าลืมเหน็บกฏ-กติกา-มารยาท และเอกสารสำคัญก่อนเช้าสปป.ลาว เท่านี้ก็จะได้เที่ยวอย่างอุ่นใจไม่เจอแจ็คพ็อตตลอดการเดินทางอย่างแน่นอน