เที่ยวหลวงพระบาง ทุ่งไหหิน นั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูง

คุณสมบัติสินค้า:

เที่ยวเชียงขวาง ทุ่งไหหิน หลวงพระบาง 4วัน3คืน

Share

โปรแกรมท่องเที่ยวหลวงพระบาง ทุ่งไหหิน 4วัน 3คืน เริ่มที่ สนามบินอุดร

วันที่ 1:อุดรธานี-เวียงจันทน์-หลวงพระบาง

06.00 น. เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับคณะที่สนามบินอุดร แล้ว เดินทางไป สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว 1 เพื่อทำเอกสารผ่านแดนข้ามไปประเทศลาว เดินทางถึงด่านลาว ผ่านจุดคัดกรอง ตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย นำท่านเดินทางไปที่สถานีรถไฟฟ้านครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อรอขึ้นรถไฟฟ้า ไปเที่ยวหลวงพระบาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.

12.00 น.ถึงหลวงพระบาง เปลี่ยนเป็นรถตู้หลวงพระบางนำพาคณะเที่ยว
12.30 น.รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่ 1) ที่หลวงพระบาง


14.30 น.นำคณะเดินทางไปยัง นํ้าตกตาดกวางสี ห่างจากเมืองหลวงพระบางประมาณ 30 กม.ผ่านหมู่บ้านชนบทริมสองข้างทาง ชมความงดงามของ นํ้าตก ซึ่งเป็นนํ้าตกที่สูงราว 70-80 เมตร ถือเป็นนํ้าตกที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง โดยมีสายนํ้าที่ลดหลั่นผ่านชั้นหินปูนลงสู่แอ่งนํ้าที่สดใส มีทางเดินลัดเลาะขึ้นไปสู่ชั้นบนเพื่อชมความงามอีกมุมหนึ่งของนํ้าตก อิสระให้ท่านดื่มดํ่ากับธรรมชาติ เล่นนํ้า บันทึกภาพอันประทับใจ ได้เวลาอันสมควรพาคณะเดินทางกลับมายังตัวเมืองหลวงพระบางแล้ว ลงเรือล่องในเมืองหลวงพระบาง ในเรือมีคาราโอเกะร้องกันอย่างสนุกสนาน พร้อมรับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 2) บนเรือหลวงพระบาง
20.00 น. นำท่านเข้าที่พักเมืองหลวงพระบาง และพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่ 2: หลวงพระบาง-เชียงขวาง

07.00 น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 3) แล้วเดินทางไปยังแขวงเชียงขวางประมาณ6-8ชม.


12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 4)ระหว่างทาง


13.00 น. เดินทางต่อสู่ เชียงขวาง จากนั้นเดินทางต่อสู่เมืองโพนสะหวัน แขวงเชียงขวาง ชมวิวทิวทัศน์และวิถีชีวิตชาวบ้านระหว่างทาง ท่านจะเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามตระกานตาของทิวเขา รถวิ่งผ่าน
บ้านปากยอง บ้านขี้นุ่น บ้านปู้ บ้านท่าสามคอน บ้านท่าเวียง บ้านเวียงทอง บ้านทาดทม เชียงดง สองเสี้ยว 
บ้านหลวง เมืองคูน ซึ่งในอดีตเป็น เมืองเก่าของแขวงเชียงขวาง ช่วงสงครามอินโดจีน เมืองคูนแห่งนี้ถูกอเมริการะดมทิ้งระเบิดอย่างนัก จนวัดอารามที่สวยงามพังทลายจนหมดสิ้น ส่วนอาคารทูตฝรั่งเศสนั้นแม้จะ ได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดไม่น้อยแต่ก็ยังคงอยู่รอดมาได้   ส่วนตึกบางแห่งที่เหลือแต่เพียงซากปรักหักพัง ทางการลาวยังคงสภาพเดิมเอาไว้เพื่อให้ชาวลาวรุ่นหลังได้เห็นพิษภัยความหายนะของสงครามที่เกิดขึ้นในอดีตหลังสงคราม อินโดจีนสิ้นสุดลง ทางการลาวได้ทำการย้ายเมืองหลวงจากเมืองคูนมาอยู่ที่เมืองโพนสะหวันในปัจจุบันนี้  นำชมเจดีย์ที่ยังหลงเหลืออยู่ ภายในตัวเมืองคูนเมืองหลวงเก่าของแขวงเชียงขวางจะเห็นวัดอยู่แห่งหนึ่ง ตั้ง อยู่ติดริมถนนทางด้านซ้ายมือมีชื่อว่า วัดเพีย มีอายุเก่าแก่ 644 กว่าปี วัดเพียแปลเป็นภาษาไทยว่า วัดใหญ่ คำว่าเพียแปลว่าใหญ่ ตัวพระอุโบสถมีแต่เพียงซากปรักหักพังซึ่งเกิดจากพิษภัยของสงครามคงเหลือแต่พระพุทธรูปปางสมาธิที่ทำมาจากปูนความสูงประมาณ 10 เมตร ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง เป็นที่เคารพบูชาของชาวเมืองคูนและประชาชนลาวทั่วไป ด้านข้างมีกุฏิพระใช้เป็นที่จำพรรษาของภิกษุสามเณร ก่อนถึงวัดเพียประมาณ 100 เมตร จะมีทางแยกลูกรังซ้ายมือเข้าไปยังพระธาตุฝุ่น ระยะทางประมาณ 200 เมตร เป็นพระธาตุเก่าแก่องค์หนึ่งในเมืองคูน รอบฐานองค์พระธาตุฝุ่นจะสมบูรณ์ไปด้วยดอกบัวตองหรือที่ชาวลาวเรียกว่า ดอกบัวขม ออกดอกสีเหลืองบานสะพรั่งรอบฐานองค์พระธาตุฝุ่น จากนั้นชมวัดสีพรมชึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่อีกวัดหนึ่ง สร้างพร้อมๆ กันกับวัดเพียวัด ริมถนนทางเข้าพระธาตุคือตลาดเมืองคูน เป็นตลาดขนาดเล็กที่มีชนเผ่าต่างๆ นำผลผลิตทางการเกษตรและของป่ามาวางขายริมถนนราคาถูก ชาวลาวในเมืองคูนมาจับจ่ายซื้อสินค้ากันพอสมควร สงครามต้านจักรพรรดิ์ต่างชาติ เมืองพวนก็เคยเป็นเมืองประวัติศาสตร์ ของแขวงเชียงขวาง และมีสถานที่โบราณมากมายหลายแห่ง เช่น วัดธาตุจอมเพ็ชร วัดธาตุฝุ่น ฯลฯ ซึ่งแต่ละวัดดังกล่าวนั้นตามกาลเล่าของคนเฒ่าคนแก่ว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้นก่อนสมัยเจ้าฟ้างุ้ม ประ มาณ 200 กว่าปี ตามการเล่านิทานของผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า เมื่อก่อนมีการแข่งขันกันระหว่างผู้หญิง และผู้ชาย เพื่อสร้างวัด ว่าใครจะมีความสามารถสร้างได้เสร็จเร็วกว่ากัน ซึ่งฝ่ายหญิงได้สร้าง วัดเพียวัด และธาตุวัดจอมเพชร ส่วนฝ่ายชายสร้างวัดสีพรม ผลสุดท้ายฝ่ายหญิงสามารถสร้าง สำเร็จก่อนฝ่ายชายรื่องจากฝ่ายชายพูกล้างความลับจากฝ่ายหญิง สำหรับธาตุฝุ่นที่สร้างไว้บนจอมภูนั้น สร้างไว้เพื่อบรรจุเถ้าอังคารของพระพุทธเจ้าและมีสิ่งของที่สำคัญหลายอย่างบรรจุอยู่ในธาตุดังกล่าว ภายหลังถูกสงครามทำลายหักพังไปก็มีคนไปลักลอบขุดค้นเอา สิ่งของสำคัญไปจนหมด ซึ่งในปัจจุบันยังคงเหลือไว้เพียงซากหักพังเท่านั้น ภายหลังสงครามปี 1968 สถานโบราณดังกล่าวตลอดจนบ้านเรือนของประชาชนทั้งหมดก็ได้ถูกทำลายลงอย่างน่าเสียดาย เหลือไว้แต่ซากหักพังเพื่อเป็นสิ่งแสดงให้เห็นความโหดร้ายของสงคราม ปัจจุบันได้มีการบูรณะก่อสร้างซ่อมแซมขึ้นใหม่ จากนั้นเดินทางสู่เมืองโพนสะหวัน แขวงเชียงขวาง 

19.00 น. รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 5 ) และเข้าที่พัก เมืองเชียงขวาง และให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่ 3: เชียงขวาง-หลวงพระบาง

07.00 น.รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 6) ที่โรงแรม 


08.00 น.แล้วนำ ชมทุ่งไหหิน ทุ่งที่ 1 บนที่ราบสูงทุ่งกว้างใหญ่ หินมีหลากหลาย เป็นหินตั้ง เสาหิน ฝาหินแท่น หินรู หินเสมา หินไหหิน ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งหินขนาดใหญ่เรียงรายหลาบร้อยใบ ใบใหญ่สุดสูงถึง 2–3 เมตร ส่วนใบเล็กที่สุดสูงประมาณเมตรเดียว ภายในไหถูกคว้านตรงกลางให้เป็นโพรง ดูจุดประสงค์การคว้านแล้วเหมือนตั้งใจจะใส่อะไรสักอย่าง ทุ่งไหหิน 1 มีจำนวน 298 ใบ บางไหมีการทำปากไห มีรูปแกะสลักหิน มีฝาไห แต่ส่วนใหญ่เป็นไหเปล่า ตั้งอยู่บนเนินเตี้ยๆ  สันนิษฐานว่า ไหหินเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในพิธีศพของคนเมื่อประมาณ 3,000 ปีที่แล้ว ข้อสนับสนุนสันนิษฐานนี้ค่อนข้างจะเป็นวิทยาศาสตร์ เพราะมีการค้นพบกระดูกคน ที่เผาแล้วและเครื่องมือเครื่องใช้อื่นๆ ที่มักใช้ในพิธีศพบรรจุอยู่ในไหหิน นอกจากนี้นักโบราณคดียังค้นพบเถ้าถ่านที่เข้าใจว่าเป็นกระดูกมนุษย์และสิ่งอื่นๆ เช่น ขวาน หินขัด ลูกปัดแก้ว เครื่องปันดินเผา เครื่องประดับสำริด และเครื่องมือเหล็กในบริเวณโดยรอบด้วย ส่วนข้อสันนิษฐานหนึ่งว่ากันว่า ไหหินเหล่านี้เป็นไหเหล้าเจือง ครั้งเมื่อทำสงครามกับพวกแกวและตีเอาเมืองเชียงขวางจากพวกแกวได้ก็ทำการฉลองชัยชนะอยู่ที่ทุ่งเชียงขวางนี้ถึง 7 เดือน ในการนี้ขุนเจืองสั่งทำไหเหล้าเลี้ยงไพร่พลเป็นอันมากและไหเหล่านั้นก็คือไหเหล้า
ที่ทุ่งไหหินนี้เอง ส่วนข้อสันนิษฐานสุดท้ายว่าไหหินเหล่านี้น่าจะเป็นอย่างเดียวกับหินตั้งลักษณะแปลกๆ ทั่วโลก เช่น STONE HENGE ที่มีลักษณะร่วมอย่างหนึ่งคล้ายคลึงกันคือ เป็นหินตั้งกลางแจ้งมองเห็นได้เด่นชัด เชิญถ่ายภาพอิสระตามอัธยาศัย
เที่ยวเสร็จแวะตลาด เชียงขวางแล้วเดินทางมามายัง เมืองหลวงพระบาง ประมาณ 6-8 ชม.


12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 7)ระหว่างทาง


18.00 น. เดินทางถึงเมืองหลวงพระบาง รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 8 ) และเข้าที่พัก

วันที่ 4: วังเวียง-เวียงจันทร์-อุดร

05.30 น. เชิญท่านร่วม ทำบุญใส่บาตรข้าวเหนียว พร้อมกับประชาชนชาวหลวงพระบางในทุกเช้า พระสงฆ์และสามเณรจากวัดต่างๆ จะออกบิณฑบาต เป็นแถวนับร้อยรูป ซึ่งเป็นภาพอันน่าประทับใจ และสื่อถึงความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาของชาวหลวงพระบาง
นำท่านเดินชม ตลาดเช้าของชาวหลวงพระบาง ซึ่งเป็นตลาดสด ท่านสามารถเลือกซื้ออาหารพื้นเมือง และของป่า ซึ่งเป็นแบบฉบับของชาวลาว


08.00 น.รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 9) ที่โรงแรม


09.00 น.ชม วัดเชียงทอง วัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่นํ้าโขงสร้างในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ช่วงประมาณ ปี พ.ศ. 2102 – 2103 ซึ่งวัดเชียงทองได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงค์ และเข้าชีวิตศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้าย ชมพระอุโบสถ ที่มีศิลปะแบบล้านช้าง หลังศรแอ่นโค้งตํ่า ซ้อนกันอยู่สามชั้น มีช่อฟ้าที่อยู่ตรงกลางของหลังคารวมกัน 17 ช่อ ถ้าเป็นคนสามัญสร้างจะมี 1-7 ช่อเท่านั้น ชมพระพุทธรูปป่างห้ามสมุทรในอูปมูง ด้านข้างพระอุโบสถ ชมวิหารพระม่านที่ประดิษฐานพระม่าน ผนังสีชมพู ภาพประดับกระจกสีเล่าถึงวิถีชีวิตชาวหลวงพระบาง ชมโรงราชรถออกแบบโดยเจ้ามณีวงศ์ ภายในบรรจุพระพุทธรูปแกะสลักไม้จำนวนมากที่เก็บมาจากวัดร้างต่างๆ
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ร้านเฝอแซบหลวงพระบาง (มื้อที่ 10) ทานเสร็จแล้วทางยังสถานีรถไฟฟ้า รถออกเวลา 12.50 น.
15.00 น. เดินทางถึงเวียงจันทร์ ชม วัดเซียงควนหรือที่รู้จักกันดีในชื่อ สวนวัฒนธรรมเชียงควน เรียกได้ว่าเป็นวัดที่มีรูปปั้นมากมาย สวนพระพุทธเซียนมีพระพุทธรูปฮินดูและพุทธศาสนามากกว่า 200 องค์ อุทยานพระพุทธรูปเซียงควนตั้งอยู่ที่หมู่บ้านตำบลหาดใหญ่แขวงเวียงจันทน์เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ถูกสร้างขึ้นในปี 1958 โดยหลวงปู่บุญเหลือ ในศูนย์วัฒนธรรมซียงควน มีพระพุทธรูปที่สำคัญและสวยงามและเก่าแก่มีเรื่องราวมากกว่า 200 เรื่อง มีพระพุทธรูปมากกว่า 200 องค์ ภาพขนาดใหญ่สร้างขึ้นในปีพ. ศ. 2501 โดยความลึกลับของหลวงปู่บุญเหลือ ผู้ซึ่งหวังจะรวมชาวพุทธและชาวฮินดูเข้าด้วยกัน บริเวณที่มีความสงบและได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยการผสมผสานของใบไม้อันเขียวขจีทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำและรูปปั้นแปลก ๆ รูปปั้นบางตัวมีขนาดใหญ่มากและรูปปั้นบางส่วนมีขนาดเล็ก รูปปั้นทำจากคอนกรีตเสริมเหล็ก รูปปั้นดูเหมือนจะมีอายุหลายศตวรรษ มีประติมากรรมของมนุษย์, พระเจ้า, สัตว์และปีศาจและมีประติมากรรมมากมายของพระพุทธเจ้าตัวละครของความเชื่อทางพุทธศาสนา และลักษณะของตำนานของชาวฮินดูรวมถึงพระอิศวรพระนารายณ์และประติมากรรมเหล่านี้น่าจะเกิดจากคนงานไร้ฝีมือ ภายใต้การกำกับดูแลของหลวงปู่บุเหลือ รูปปั้นที่โดดเด่นอย่างหนึ่งคล้ายกับฟักทองยักษ์ ภายในนั้นมีสามเรื่องที่แสดงถึงสามระดับเช่นนรกโลกและสวรรค์ ผู้เข้าชมสามารถเข้าไปข้างในซึ่งเป็นปากปีศาจหัวมีความสูง 3 เมตร (9,8 ฟุต)และปีนบันไดจากนรกสู่สวรรค์แต่ละเรื่องราวมีรูปปั้นวาดภาพ แต่ละชั้นที่ด้านบนนี่คือจุดชมวิวของสวนวัฒนธรรม มองเห็นบริเวณทั้งหมด เป็นต้น


15.00 น. อำลาเมืองเวียงจันทน์ และเดินทางไปที่ด่านชายแดนและนำท่าน เข้าช้อปปิ้งในร้านสินค้าปลอดภาษี ดาวเรือง ที่ด่านลาวเลือกซื้อสินค้านานาชาติมียี่ห้อ (Band Name) ราคาถูกต่างๆ มากมาย อาทิ เหล้า ไวน์ บุหรี่ และเครื่องสำอาง
17.00 น. เดินทางกลับเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ และด้วยความประทับใจ


อัตรานี้รวม
-ค่ารถตู้ปรับอากาศ Toyota Commuter หรือรถบัส ตลอดทริป
-ค่าที่พัก (โรงแรมในประเทศลาว 2 คืนพัก 2 ท่าน/ห้อง)
-ค่าอาหารทุกมื้อ (10 มื้อ)
-น้ำดื่มระหว่างการเดินทาง
-ค่าธรรมเนียมสถานที่ต่าง ๆ รวมค่าผ่านแดนไปลาว
-ค่าล่องเรือแม่น้ำโขง
-ค่าประกันอุบัติเหตุตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ท่านละ 1,000,000 บาท
-มัคคุเทศก์นำเที่ยวตลอดการเดินทาง (ลาว )
-ค่าตั๋วรถไฟฟ้าความเร็วที่ลาว 2 เที่ยว
อัตรานี้ไม่รวม
• ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด ค่ามินิบาร์
• ค่าตั๋วเครื่องบิน กทม.-อุดรธานี ไปกลับ
• ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และหัก ณ ที่จ่าย 3 %
• ค่ารายการอาหารนอกเมนู เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
• ค่ากระติบใส่บาตรข้าวเหนียว ทำบุญ
• ค่าทิปคนขับรถและไกด์ แล้วแต่น้ำใจของลูกค้า

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้