หอพิพิธภัณฑ์พระราชวังเก่าหลวงพระบาง
{เดิมคือ{พระราชวัง|พระบรมมหาราชวัง|วัง|ราชสำนัก|พระราชสำนัก|ตำหนัก|ที่พัก|นิเวศน์|ทำเนียบ|บ้าน|เรือน|เคหสถาน|ที่อาศัย|ที่อยู่|จวน|ปราสาท}ของเจ้ามหาชีวิตสายหลวงพระบาง จึงเรียกอีกชื่อว่า วังเจ้ามหาชีวิต สร้างเมื่อ พ.ศ. 2447 ในสมัยเจ้ามหาชีวิตสว่างวงศ์ ลักษณะอาคารเป็นอาคารชั้นเดียวยกพื้นสูง ศิลปกรรมแบบยุโรปผสมผสานล้านช้างหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลลาวใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงโบราณวัตถุและของมีค่า อาทิ บัลลังก์ ธรรมาสน์ เครื่องสูงและราชูปโภคของเจ้าชีวิต พระพุทธรูป และวัตถุโบราณ ของขวัญจากต่างประเทศต่างๆ และที่สำคัญที่สุดคือ พระบาง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานอยู่ในหอไตรทางปีกขวาของพระราชวังเป็นการชั่วคราวระหว่างการบูรณะหอพระบางที่ด้านหน้าของพระราชวัง โดยภายในหอไตรนี้ยังมีพระไตรปิฎกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เคยพระราชทานให้กษัตริย์ลาวด้วย
ตั้งอยู่ที่ถนนสีสะหว่างวงศ์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 – 11.00 น. และ 13.30 – 16.30 น. ต้องเสียค่าเข้าชม
{หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ {หลวงพระบาง} พระราชวังเดิม}
{หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ} หลวงพระบาง พระราชวังเก่า หรือชาวเมืองหลวงพระบางเรียกว่าหอคำ เป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิต ตั้งอยู่ตรงข้ามกับบันไดทางขึ้นพูสี แต่เดิมเคยเป็นพระราชวังหลวงที่เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2447 ในสมัยพระเจ้าสักกะริน และมาแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2452 ภายหลังเปลี่ยนระบอบการปกครองในประเทศลาวเมื่อ พ.ศ. 2518 รัฐบาลลาวได้ใช้พระราชวังหลวงนี้เป็นหอพิพิธภัณฑ์ และเปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 เพื่อนำมาแสดงให้เห็นวัตถุ ทรัพย์สินต่างๆของราชวงศ์ โดยแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่นห้องราชบัลลังค์ที่เสด็จประทับออกว่าการ ให้ข้าราชบริวารเข้าเฝ้า ต้อนรับแขกต่างบ้านต่างเมือง พิธีบายศรีสู่ขวัญ ใช้เป็นห้องพบปะกันของเชื้อสายราชวงศ์ ห้องพระซึ่งมีพระบางประดิษฐ์อยู่ ห้องโถงประดิษฐานพระพุทธรูปและวัตถุมงคลทางศาสนา ที่เป็นเครื่องราชบันนาการจากเมืองอื่นๆ
แต่ก่อนห้องห้องคับแคบ ต่อมา {เจ้ามหาชีวิตสว่างวงศ์}ได้ขยายออกอีก กว้างขวางกว่าเดิม มีพระราชอาสน์ที่ประทับตั้งอยู่บนแท่นตรงกลาง มีสีเขียว จัดไว้เหมือนเดิม เครื่องใช้ อุปกรณ์ต่างๆ รูปภาพ เครื่องตกแต่ง ปรับเปลี่ยนพรมใหม่เพราะพรมเก่าที่ได้มาจากฝรั่งเศสและจีนนั้นชำรุดถูกปลวกกิน กระจกเงาจากฝรั่งเศสโคมห้อยระย้าได้มาจากเช็คโกสโลกาเกีย ส่วนเฟอร์นิเจอร์ไม้ออกแบบโดยเจ้ามณีวงศ์ กิตติยารัฐ ทาแลกเกอร์ แกะสลักให้สวยงามโดยฝีมือช่างสกุลหลวงพระบาง กลองมโหระทึกทำด้วยทองเหลืองมีจำนวนถึง 60 ลูก ซึ่งหาดูชมได้ยากแล้วในปัจจุบัน
ส่วนห้องเข้าเฝ้า ของเจ้ามหาชีวิตใช้เป็นที่ปฏิบัติราชกิจส่วนพระองค์ {มีพระพุทธรูป}ประดิษฐานอยู่ด้านหลัง ภาพเขียนที่ฝาผนังเป็นภาพแสดงวัฒนธรรมประเพณี ชีวิตประจำวันของผู้คนชาวลาว เขียนภาพโดย อลิกซ์ เดอ เฟอตาเรา แกะสลักฉากไม้ในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ โดยช่างหลวง เพี้ยทิศตัน ห้องโถงพระโรงใหญ่ สำหรับให้ข้าราชบริพาร ขุนนาง เข้าเฝ้า มีเสาสี่เหลี่ยมใหญ่ จิตรกรรมเรื่องราวเกี่ยวกับ พระบรมวงศานุวงศ์ ของลาว นิทานขูลู นางอั้ว ภาพวัฒนธรรมประเพณีของลาว เช่น บุญปีใหม่ การส่วงเฮือ ตลาดนัดเดิ่นวัดธาตุหลวง การจุดบั้งไฟ ตบพระธาตุทรายโดยช่างหลวงงานแต้มฮูบทิดบุนทันกับทิดดวง กระเบื้องโมเสกประดับนั้นจากญี่ปุ่น งานตกแต่งด้วยช้างสามเศียรซึ่งมีความหมายของอาณาจักร์ล้านช้างได้แบ่งออกเป็นสามส่วน เศวตรฉัตร เป็นเครื่องมหายของเจ้ามหาชีวิต พญานาคเจ็ดเศียร ห้องที่รวบรวมสิ่งของมีค่าที่ได้จากการบูรณปฏิสังขรพระธาตุหมากโม วัดวิชุนนะราช ที่ซำรุด ทรุดโทรมลง
ในพ.ศ. 2453 ได้จัดทำและนำมาแสดงไว้ในตู้กระจกสองตู้ สิ่งของที่มีค่า เช่น พระพุทธรูปคำ ลาวจะเรียกทองคำ ว่า คำ ส่วนทองคำนั้นหมายถึงทองเหลือง หรือทองสัมฤทธิ์ สถูปเล็กทำด้วยทองคำแท้ เครื่องเพชร เครื่องทอง พระขรรค์ เครื่องราชกุธภัณฑ์ พระพุทธรูปปั้นด้วยดินปิดด้วยทอง ห้องจัดเลี้ยงกว้างใหญ่ ห้องเสวย ห้องโชว์ของขวัญจากผู้นำต่างบ้านต่างเมือง และอีกด้านหนึ่งเป็นห้องของมเหสีราชีนีคำผุย คนในหลวงพระบาง เข้าพิธีสมรสกับ เจ้ามหาชีวิตสว่างวัฒนา มีโอสร ราชธิดา 7 พระองค์ เจ้าชายวงศ์สว่าง เจ้าชายศรีสว่าง เจ้าชายสว่าง เจ้าชายสุริยวงศ์สว่าง เจ้าหญิงสาวิวาน สว่าง และเจ้าหญิง ธารา สว่าง ห้องโถงของราชินีมีลักษณะคล้ายกับห้องใหญ่ของเจ้ามหาชีวิต ที่ออกว่าการ ใช้สำหรับข้าราชการ บริพาร ในฝั่งด้านตรงกันข้ามและใช้ต้อนรับแขกส่วนพระองค์ที่จะเข้าเฝ้ามเหสีราชีนีคำผุย มีพระฉายาทิศลักษณ์ของเจ้ามหาชีวิตสว่างวงศ์
พระราชินีคำผุย พระราชโอรส วาดภาพโดย อิลยา กลาซูรอฟ จิตกรชาวรัสเซีย {ผู้ที่ได้รับการเข้าเฝ้าต้องลงพระนามก่อน} ด้านข้างจะมีตู้แก้วสำหรับโชว์ของขวัญที่ราชอาคันตุกะ ผู้นำประเทศต่างๆ ถวายแด่เจ้ามหาชีวิต เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ข้างในห้ามถ่ายภาพ ให้ถ่ายภาพได้เฉพาะด้านนอกเท่านั้น พระราชวังหลวงพระบาง ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ลักษณะอาคารเป็นชั้นเดี่ยวยกพื้นสูง สถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศส แต่เป็นการผสมผสานระหว่างฝรั่งเศสและลาว ด้านนอกอาคารเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์และเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ประทับอยู่ที่นี่จนสิ้นพระชนม์ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2518
พระราชวังหลวงพระบางได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ {ประกอบด้วย|มี|กอบด้วย|มีอยู่}ห้องเด่นๆหลายห้องอยู่ฝั่งขวาของอาคาร เช่น ห้องฟังธรรม ภายในมีธรรมมาสน์ ห้องปูพรมและเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิติศรีสว่างวงศ์ในเวลาฟังธรรม ห้องรับแขกของพระมเหสี ภายในห้องจัดแสดงของขวัญจากประเทศต่างๆ ห้องรับแขกของเจ้ามหาชีวิต ภายในห้องสวยงามด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวลาว ภาพวิวทิวทัศน์ ภาพงานประเพณี และยังมีรูปหล่อครึ่งองค์ของเจ้ามหาชีวิตอุ่นคำ เจ้ามหาชีวิตสักรินทร์ เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์และเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา ซึ่งทั้งหมดนี้หล่อมาจากประเทศฝรั่งเศส ห้องท้องพระโรง ห้องนี้ใช้ทำพีธีราชาภิเษก ซึ่งเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนาเตรียมห้องนี้ไว้ทำพิธีราชาภิเษก แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงปกครองเสียก่อน ภายในห้องติดประดับด้วยกระจกโมเสดสีแดงจากประเทศฝรั่งเศสนอกจากห้องสำคัญเหล่านี้แล้วด้านหลังของท้องพระโรงยังเป็นที่ตั้งของตำหนักของเจ้ามหาชีวิต
หอพิพิทภัณฑ์แห่งชาติ หลวงพระบาง {มีหอพระบาง}สร้างใหม่สวยงามสีเหลืองทองเขียวสดใส บันใดนาค ตรงกันข้ามเป็นโรงละครพะลัก-พะลาม มีอนุสาวรีย์พระเจ้าศรีสว่างวงศ์ อยู่หน้าโรงละคร แลดด้านในของหอพิพิทภัณฑ์แห่งชาติ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ เครื่องใช้ ต่างๆ {ของพระองค์} ห้ามถ่ายภาพหอพิพิธภัณฑ์เมืองหลวงพระบาง ที่ในอดีตเคยเป็นพระราชวังหลวงที่พำนักของเจ้ามหาชีวิต(พระมหากษัตริย์)
มาในปัจจุบันพระราชวังหลวงเปลี่ยนบทบาทมาเป็นพิพิธภัณฑ์ประจำเมืองที่พอเดินเข้าไปจะเห็นทิวต้นตาล 2 ข้าง นำสายตาไปสู่อาคารพระราชวังที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสผสมลาว ซึ่งหลายๆ คนเปรียบเปรยพระราชวังหลังนี้ว่าเป็น “ฝรั่งสวมชฎา” ใครที่เข้าไปในหอพิพิธภัณฑ์ฯแล้วเพื่อความเป็นสิริมงคล ควรที่จะไป{สักการะ“พระบาง}” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบางที่อยู่ในห้องทางขวามือก่อน จากนั้นใครจะเลือกชมสิ่งใดก็ตามแต่สะดวก โดยในหอพิพิธภัณฑ์ฯยังมีสิ่งที่น่าสนใจอย่างเช่น ห้องฮับต้อนที่เต็มไปด้วยกลองมโหระทึกสำริด บัลลังก์ไม้แกะสลักหุ้มทองคำในท้องพระโรงใหญ่นอกจากนี้ก็ยังมีพระพุทธรูปและโบราณวัตถุต่างของหลวงพระบางอีกเพียบ เมื่อเที่ยวชมหอพิพิธภัณฑ์}